หลักธรรมในการครองตน ครองคน และครองงาน
หลักธรรมในการครองตน
หลักธรรมที่ทำให้ตนเองปฏิบัติหรือดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้อง รู้จักตนเอง ควบคุมตนเอง คือ
1.1 สติ สัมปชัญญะ สติคือความระลึกได้ สัมปชัญญะคือความรู้ตัว ผู้นำต้องรู้ตัวเองตลอดเวลาเพื่อให้การประพฤติปฏิบัติมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด
1.2 หิริโอตัปปะ หิริคือการละอายต่อความชั่ว โอตัปปะคือการเกรงกลัวต่อบาป ธรรมะข้อนี้ช่วยให้คนที่ยึดถือไม่กล้าทำความชั่ว
1.3 ขันติ โสรัจจะ ขันติคือความอดทนต่อความตรากตรำ อดทนต่อความทุกข์ อดทนต่อถ้อยคำที่ทำให้เจ็บใจ อดทนต่อความหิวกระหาย โสรัจจะคือความสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่หยิ่งยะโส ไม่โอ้อวด ไม่ยกตนเสมอท่าน จึงได้ชื่อว่าเป็นธรรมะที่ทำให้งาม
1.4 สัปปุริสธรรม7 ได้แก่การเป็นผู้รู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักกาลเวลา รู้จักประมาณ รู้จักชุมชน รู้จักบุคคล และรู้จักตนเอง
1.1 สติ สัมปชัญญะ สติคือความระลึกได้ สัมปชัญญะคือความรู้ตัว ผู้นำต้องรู้ตัวเองตลอดเวลาเพื่อให้การประพฤติปฏิบัติมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด
1.2 หิริโอตัปปะ หิริคือการละอายต่อความชั่ว โอตัปปะคือการเกรงกลัวต่อบาป ธรรมะข้อนี้ช่วยให้คนที่ยึดถือไม่กล้าทำความชั่ว
1.3 ขันติ โสรัจจะ ขันติคือความอดทนต่อความตรากตรำ อดทนต่อความทุกข์ อดทนต่อถ้อยคำที่ทำให้เจ็บใจ อดทนต่อความหิวกระหาย โสรัจจะคือความสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่หยิ่งยะโส ไม่โอ้อวด ไม่ยกตนเสมอท่าน จึงได้ชื่อว่าเป็นธรรมะที่ทำให้งาม
1.4 สัปปุริสธรรม7 ได้แก่การเป็นผู้รู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักกาลเวลา รู้จักประมาณ รู้จักชุมชน รู้จักบุคคล และรู้จักตนเอง
หลักธรรมในการครองคน
หลักธรรมคำสอนที่ใช้สร้างมนุษย์สัมพันธ์ในระหว่างเพื่อนผู้ร่วมงาน เพื่อให้เกิดความยินดี เต็มใจทำงาน อันจะนำไปสู่ความสำเร็จของงาน ได้แก่
พรหมวิหาร 4 คือ
มีเมตตาปรารถนาให้เป็นสุข ผู้น้อยจักไร้ทุกข์เกษมศรี
หัวหน้างานเป็นผู้นำกระทำดี มีเมตตาเป็นศรีประจำตน
กรุณา ปรารถนาให้พ้นทุกข์ แสดงตนช่วยคนสุขด้วยทุกหน
ทุกข์ของผู้ร่วมงานเหมือนทุกข์ตน แบ่งทุกข์ให้หลุดพ้นด้วยกรุณา
ยินดีเมื่อได้ดี ดีใจด้วย มุทิตา นำช่วยสวยหนักหนา
ผู้ร่วมงานซาบซึ้งตรึงอุรา ผู้นำพาให้เกิดขวัญกำลังใจ
กระทำตนเป็นคนกลางทุกทางที่ อุเบกขา นำชี้ให้ผ่องใส
ธรรมะของผู้นำประจำใจ พรหมวิหารสี่นี้ไซร้แจ่มใสเอย (สุบินรัตน์ รัตนศิลา 2543)
มีเมตตาปรารถนาให้เป็นสุข ผู้น้อยจักไร้ทุกข์เกษมศรี
หัวหน้างานเป็นผู้นำกระทำดี มีเมตตาเป็นศรีประจำตน
กรุณา ปรารถนาให้พ้นทุกข์ แสดงตนช่วยคนสุขด้วยทุกหน
ทุกข์ของผู้ร่วมงานเหมือนทุกข์ตน แบ่งทุกข์ให้หลุดพ้นด้วยกรุณา
ยินดีเมื่อได้ดี ดีใจด้วย มุทิตา นำช่วยสวยหนักหนา
ผู้ร่วมงานซาบซึ้งตรึงอุรา ผู้นำพาให้เกิดขวัญกำลังใจ
กระทำตนเป็นคนกลางทุกทางที่ อุเบกขา นำชี้ให้ผ่องใส
ธรรมะของผู้นำประจำใจ พรหมวิหารสี่นี้ไซร้แจ่มใสเอย (สุบินรัตน์ รัตนศิลา 2543)
และเพื่อให้สายสัมพันธ์ผู้นำกับผู้ตามแน่นแฟ้น แนบแน่นและจงรักภักดี ผู้นำจะต้องมี
สังคหวัตถุ 4 ได้แก่
ทาน การให้สิ่งตอบแทน ให้รางวัลการทำงาน
ปิยวาจา การพูดไพเราะอ่อนหวาน
อัตถจริยา การรู้จักวางตัวอย่างเหมาะสม
สมานัตตา การเสมอต้นเสมอปลาย ไม่หน้าไหว้หลังหลอก
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ผู้นำต้องมีคือ ความเที่ยงธรรม หรือความยุติธรรม เพราะเมื่อใดก็ตามที่ผู้นำลำเอียง เพราะรัก เพราะหลง เพราะโกรธ เพราะกลัว จะทำให้เกิดความแตกแยกในผู้ร่วมงาน
ปิยวาจา การพูดไพเราะอ่อนหวาน
อัตถจริยา การรู้จักวางตัวอย่างเหมาะสม
สมานัตตา การเสมอต้นเสมอปลาย ไม่หน้าไหว้หลังหลอก
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ผู้นำต้องมีคือ ความเที่ยงธรรม หรือความยุติธรรม เพราะเมื่อใดก็ตามที่ผู้นำลำเอียง เพราะรัก เพราะหลง เพราะโกรธ เพราะกลัว จะทำให้เกิดความแตกแยกในผู้ร่วมงาน
หลักธรรมในการครองงาน
หน้าที่การงานจะสำเร็จบรรลุจุดประสงค์ได้ต้องอาศัยหลักธรรมสำคัญคือ
อิทธิบาท 4 ได้แก่
ฉันทะ ความพึงพอใจในสิ่งที่ทำ สิ่งที่มีอยู่
วิริยะ ความเพียรพยายามอุตสาหะในหน้าที่การงาน ไม่ท้อแท้ ไม่เอาเปรียบผู้อื่น
จิตตะ ความเอาใจใส่ ความปฏิบัติงาน การใฝ่หาวิชาความรู้ประสบการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของงาน
วิมังสา การใช้สติปัญญา ใคร่ครวญ ไตร่ตรองให้รอบคอบ
ฉันทะ ความพึงพอใจในสิ่งที่ทำ สิ่งที่มีอยู่
วิริยะ ความเพียรพยายามอุตสาหะในหน้าที่การงาน ไม่ท้อแท้ ไม่เอาเปรียบผู้อื่น
จิตตะ ความเอาใจใส่ ความปฏิบัติงาน การใฝ่หาวิชาความรู้ประสบการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของงาน
วิมังสา การใช้สติปัญญา ใคร่ครวญ ไตร่ตรองให้รอบคอบ
-----------------------------------------------------------------
หลักพรหมวิหาร 4 (ด้วยวัตถุสิ่งของเงินทอง ด้วยเรี่ยวแรง ด้วยวาจาทั้งความรู้และธรรม)
เมตตา ใช้ในกรณีปกติ = ให้ความรัก ให้ความปรารถนาดี กับมิตรและบุคคลอื่น (อย่าหวังผลตอบแทนเพราะจะเป็นราคะหรือโลภะ อย่าเป็นเสน่หาเพราะจะเกิดทุกข์และเกิดความลำเอียงจนเสียความยุติธรรม)
กรุณา ใช้ในกรณีเมื่อเขาตกต่ำ เดือดร้อน เป็นทุกข์ = ความมีใจพลอยหวั่นไหวอยากให้เขาพ้นทุกข์
มุทิตา ใช้กรณีเมื่อเขาได้ดี ทำดี ประสบความสำเร็จก้าวหน้า = พลอยยินดี ส่งเสริม สนับสนุน (แต่ต้องอยู่ภายใต้หลักการ หลักธรรม กฎธรรมชาติ และความสัมพันธ์กับบุคคลภายนอก โดยให้อัตตาหิ อัตโนนาโถ ทำงาน)
อุเบกขา ใช้กรณีเมื่อต้องรักษาความถูกต้อง รักษากฎ รักษาธรรม = วางเฉย (มีลักษณะร่วมสุขร่วมทุกข์ มีความเสมอภาค มีความยุติธรรม)
อุเบกขา เป็นตัวทำให้ เมตตา กรุณา มุทิตา พอเหมาะพอดี และเป็นตัวรักษากฎกติกา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น